Cách tạo thu nhập thụ động không cần nỗ lực: Thu nhập thụ động có những gì

เคยนึกไหมว่าจะเป็นอย่างไรถ้าเงินงอกเงยมาเรื่อยๆ โดยที่เราไม่ต้องรีบออกไป? นี่ไม่ใช่นิยายการเงินหรอกเพราะ Passive Income มีอะไรบ้าง และสามารถสร้างได้จริง ความสำคัญคือต้องเข้าใจว่าแต่ละวิธีมีหลักการอย่างไร จึงจะสามารถเลือกตัวเลือกที่เหมาะกับสถานการณ์ของตัวเองได้

ทำความเข้าใจรายได้แบบต่างๆ ของคนรวย

ก่อนจะเจาะลึก Passive Income มีอะไรบ้าง ลองเข้าใจว่าการสร้างความมั่งคั่งมีกี่ประเภท สำคัญคือพอเข้าใจ Active Income, Passive Income และ Portfolio Income แล้ว คุณจะเห็นภาพการเงินชัดขึ้น

Active Income เป็นเงินที่เรารับได้จากการทำงานเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเงินเดือน ค่าจ้าง หรือค่าแรง ลักษณะเฉพาะคือเรียกว่า “ตัวตัดเงิน” – หยุดทำงานก็หยุดมีรายได้ ต้องลงแรงงานอย่างต่อเนื่องถึงจะมีเงินเข้า

Passive Income ตรงกันข้ามเลย เป็นกระแสเงินสดที่ไหลเข้ามาแบบสม่ำเสมอโดยไม่ต้องทำงานเป็นประจำ ตัวอย่างเช่น เช่าบ้านออกไป ทุกเดือนก็มีค่าเช่าเข้ามา หรือถือหุ้นที่จ่ายปันผล ก็ได้รับเงินปันผลประจำปี

Portfolio Income อย่างประเภทสุดท้ายนี้คือกำไรจากการซื้อขาย เช่นกำไรจากการขายหุ้นได้สูงกว่าราคาซื้อ หรือเงินลงทุนที่ขายได้ราคาสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม Portfolio Income ถือว่าต่างจาก Passive Income เพราะต้องมีการวางแผนและเฝ้าสังเกตตลาดอยู่ตลอด แต่เงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นนั้นสามารถนับเป็น Passive Income ได้

นี่คือตารางเปรียบเทียบให้เห็นภาพชัดขึ้น

งานที่ทำด้วยตัวเอง งานที่ได้รายได้ต่อเนื่อง
ถ่ายรูปให้คนอื่น ขายรูปบน Shutterstock
เขียนต้นฉบับให้สำนักพิมพ์ เขียน E-book ขายเอง
ทำงานโปรแกรมเมอร์ ขายรหัสคำนวณหลากหลายแบบ
เปิดร้านขายของ ให้เช่าพื้นที่ในเว็บไซต์สำหรับโฆษณา

8 เส้นทางปก Passive Income ที่ใครๆ ก็ทำได้

1. สร้างผลงานดิจิทัลแล้วขายต่อยาวๆ

หนังสือ เพลง เท็มเพลท ภาพถ่าย รูปวาด ล้วนสามารถกลายเป็นแหล่งรายได้ถาวรได้ผ่านเทคโนโลยี เพราะค่าการผลิตต่อหน่วยสุดท้ายเป็นศูนย์ แพลตฟอร์มเหล่านี้ช่วยเหลือ: Shutterstock และ Adobe Stock (ภาพถ่าย), Amazon และ MEB (E-book), Canva (เท็มเพลตดิจิทัล), หรือแม้แต่ YouTube และ Facebook (วิดีโอสั้น)

ข้อดี:

  • ไม่ต้องใช้เงินทุนเริ่มต้น
  • ความสามารถแบบอิสระ ไม่ว่าจะวาด เขียน หรือถ่ายรูป
  • ผลงานครั้งเดียวกลับมาสร้างรายได้นานๆ

ข้อเสีย:

  • แพลตฟอร์มหักค่าบริการและตัวกลาง เราได้แค่ส่วนหนึ่ง

2. เงินฝากประจำ – วิธีเก่าแกที่ยังตัวอยู่

การฝากเงินไปเป็นระยะเวลา (ครึ่งปี หนึ่งปี) แบ่งธนาคารจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราคงที่ ถือว่าเป็นการสร้าง Passive Income แบบดั้งเดิมที่เรียบง่าย ไม่ต้องลงแรงแถมความเสี่ยงต่ำ

ข้อดี:

  • ปราศจากภาระงาน
  • ผลตอบแทนแน่นอนและคาดการณ์ได้
  • ความเสี่ยงต่ำสุด

ข้อเสีย:

  • ต้องใช้เงินต้นมากจึงจะได้ผลตอบแทนที่ประหยัด
  • หักภาษี 15% ณ ที่จ่ายสำหรับบุคคล
  • อัตราดอกเบี้ยอาจเปลี่ยนตามนโยบายธนาคาร

3. พันธบัตรและหุ้นกู้ – ลงทุนที่เสถียร

เมื่อซื้อพันธบัตร คุณกำลังให้ยืมเงินแก่รัฐหรือบริษัท พวกเขาจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราที่ระบุไว้ (Coupon Rate) อย่างสม่ำเสมอ ดอกเบี้ยอาจสูงหรือต่ำขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของผู้ออก

ข้อดี:

  • ไม่ต้องเคลื่อนไหว
  • ผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากทั่วไป
  • กระแสรายได้สม่ำเสมอ

ข้อเสีย:

  • ต้องใช้เงินต้นจำนวนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี
  • หักภาษี 15% ณ ที่จ่าย
  • ความเสี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้

4. ประกันสะสมทรัพย์ – ออมและประกันพร้อมกัน

เบี้ยประกันจะสะสมเป็นเงินต้นแล้วจ่ายคืนพร้อมดอกเบี้ย (ปกติ 2-3% ต่อปี) เมื่อครบอายุ ครั้งเดียวแต่ยิ่งใหญ่

ข้อดี:

  • ไร้ความพยายาม
  • ได้ประกันชีวิตพร้อมไปด้วย
  • ไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย และลดหย่อนได้

ข้อเสีย:

  • ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากสะสม
  • ได้เงินทั้งก้อนครั้งเดียวตอนครบอายุ ไม่ได้แบ่งจ่าย

5. ปล่อยเช่าอสังหาริมทรัพย์ – รายได้จริงจากทรัพย์สิน

ถ้าคุณมีบ้าน คอนโด หรือพื้นที่ว่างให้เช่น ทุกเดือนก็มีค่าเช่าเข้ามา ในขณะเดียวกัน ราคาอสังหาริมทรัพย์ยังเติบโตตามตัวอื่นๆ

ข้อดี:

  • รายได้สองทาง: ค่าเช่าและราคาสินทรัพย์เพิ่ม
  • ได้รายได้ตั้งแต่เดือนแรกที่มีผู้เช่า
  • ยังมีสินทรัพย์อยู่เหมือนเดิม

ข้อเสีย:

  • ต้องมีเงินทุนมากในการซื้อก่อน
  • รายได้ขึ้นกับการหาผู้เช่า อาจไม่มีผู้เช่าก็ได้
  • ต้องใจจดเรื่องบำรุงรักษา

6. หน่วยลงทุน REIT – สิทธิในอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ต้องมีมัน

REIT (Real Estate Investment Trust) เป็นเครื่องมือที่ให้คนธรรมชาติสามารถลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ได้ เงินปันผลมาจากค่าเช่าและรายได้ของสินทรัพย์ที่ทรัสต์ถือไว้

ข้อดี:

  • เงินเริ่มต้นไม่มาก
  • ซื้อขายได้ง่ายเหมือนหุ้น
  • เข้าถึงโครงการใหญ่ได้ (สำนักงาน โรงแรม โครงสร้างพื้นฐาน)

ข้อเสีย:

  • เงินปันผลหักภาษี 10% ณ ที่จ่าย
  • ราคาหน่วยอาจผันผวน

7. หุ้นปันผล – เป็นเจ้าของบริษัท และได้กำไร

Dividend Stock เป็นหุ้นของบริษัทที่มีกำไรสม่ำเสมอและสามารถจ่ายปันผลสูงคงเส้นคงวา ได้รับปันผล 6-8% ต่อปีไป (ขึ้นอยู่กับต้นทุนและจำนวนปันผล)

ข้อดี:

  • ได้รายได้ปันผลพร้อมโอกาสราคาหุ้นเพิ่มขึ้น
  • ผลตอบแทนดีกว่าตราสารหนี้
  • มีสภาพคล่องสูง ซื้อขายง่าย

ข้อเสีย:

  • ราคาหุ้นอาจปรับตัวลดลง คุณอาจขาดทุน
  • เงินปันผลหักภาษี 10% ณ ที่จ่าย
  • ต้องมีความรู้เลือกหุ้นที่ดี

8. Staking คริปโท – นวัตกรรมใหม่กับความเสี่ยงสูง

สำหรับสกุลเงินดิจิทัล คุณสามารถฝากเหรียญไปยัง Pool เพื่อได้ผลตอบแทน (3-5% หรือมากกว่า) Staking กลายเป็นทางเลือกใหม่ที่ให้ผลตอบแทนสูง

ข้อดี:

  • ผลตอบแทนเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากเมื่อเทียบรูปแบบอื่น
  • ซื้อขายบนแพลตฟอร์มได้ง่าย
  • เข้าถึงทั้ง Passive Income และ Portfolio Income

ข้อเสีย:

  • ความเสี่ยงสูงมากอาจสูญเสียเงินต้นทั้งหมด
  • กฎภาษียังไม่ชัดเจน
  • ต้องมีความรู้ลึก ไม่เหมาะมือใหม่

ปิดท้ายด้วยตัวเลือกของตัวเอง

Passive Income มีอะไรบ้าง และจะเลือกอันไหน ขึ้นอยู่กับเงินทุน เวลา ความเสี่ยงที่ยอมรับได้ สิ่งเหล่านี้อาจเอามารวมกันให้สร้างรายได้พหุวิธี ความจริงคือ Passive Income ช่วยให้ใครก็ได้ไปสู่อิสระทางการเงินได้เร็วขึ้นกว่าพึ่ง Active Income คนละคนก็มีเส้นทางของตัวเอง ไม่ต้องเลียนแบบใคร

Xem bản gốc
Trang này có thể chứa nội dung của bên thứ ba, được cung cấp chỉ nhằm mục đích thông tin (không phải là tuyên bố/bảo đảm) và không được coi là sự chứng thực cho quan điểm của Gate hoặc là lời khuyên về tài chính hoặc chuyên môn. Xem Tuyên bố từ chối trách nhiệm để biết chi tiết.
  • Phần thưởng
  • Bình luận
  • Đăng lại
  • Retweed
Bình luận
0/400
Không có bình luận
  • Ghim