Знакомство с коэффициентом текущей ликвидности: показатель финансового состояния компании, который должен знать трейдер CFD

Current Ratio คืออะไร แล้วมันสำคัญยังไง

Current Ratio (อัตราส่วนทุนหมุนเวียน) เป็นตัววัดหลักที่ใช้ประเมินความสามารถของบริษัทในการชำระหนี้ระยะสั้นด้วยสินทรัพย์ระยะสั้น อัตรานี้บอกให้เรารู้ว่า บริษัทมีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ที่จะจัดการกับภาระผูกพันที่ครบกำหนดภายในหนึ่งปี

ง่ายๆ ก็คือ: Current Ratio = สินทรัพย์หมุนเวียน ÷ หนี้สินหมุนเวียน

อัตรานี้มีความสำคัญเนื่องจากมันสะท้อนถึงสภาพคล่องตัวจริงของบริษัท นักลงทุน ผู้ให้กู้ และแม้แต่เจ้าของธุรกิจต่างใช้ตัวชี้วัดนี้เพื่อตัดสินใจด้านการลงทุนและให้ความเชื่อถือ

องค์ประกอบหลักของ Current Ratio

Current Ratio ประกอบด้วยสองฝ่าย:

สินทรัพย์หมุนเวียน (Current Assets)

ทรัพยากรของบริษัทที่สามารถแปลงเป็นเงินสดได้ภายในปีหนึ่ง ได้แก่:

  • เงินสดและเทียบเท่า: เงินตราหรือยอดเงินในบัญชีกระแสรายวัน
  • หลักทรัพย์ที่ซื้อขายได้: หุ้น พันธบัตร หรือตราสารการเงินที่สามารถขายได้
  • ลูกหนี้การค้า: เงินที่ลูกค้าเป็นหนี้บริษัท
  • สินค้าคงคลัง: สินค้าสำเร็จรูปและวัตถุดิบ
  • สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ: ค่าใช้จ่ายล่วงหน้า หรือสินทรัพย์ชั่วคราวอื่นๆ

หนี้สินหมุนเวียน (Current Liabilities)

ข้อผูกพันที่บริษัทต้องชำระภายในปีหนึ่ง ได้แก่:

  • บัญชีเจ้าหนี้: เงินที่บริษัทเป็นหนี้ต่อซัพพลายเออร์และเจ้าหนี้
  • หนี้ระยะสั้น: เงินกู้ที่ครบกำหนดภายในปี
  • รายได้ค้างรับ: เงินที่บริษัทได้รับแต่ยังไม่ได้ส่งมอบสินค้า
  • ภาษีและค่าใช้จ่ายค้างจ่าย: ภาระผูกพันอื่นๆ ที่ครบกำหนดเร็วๆ นี้

ปัญหาหลักของ Current Ratio ที่ลงทุนควรระวัง

แม้ว่า Current Ratio เป็นตัววัดที่มีประโยชน์ แต่มันมีข้อจำกัดสำคัญหลายประการ:

1. ไม่แยกแยะประเภทสินทรัพย์ อัตรานี้ถือว่าเงินสดกับสินค้าคงคลังเท่าเทียมกัน แต่ในความเป็นจริง เงินสดแปลงเป็นค่ากับเทพได้ทันที ขณะที่สินค้าคงคลังอาจนั่งค้างสตอกเป็นเดือน จึงไม่สะท้อนสภาพคล่องที่แท้จริง

2. ละเลยคุณภาพของลูกหนี้ บัญชีลูกหนี้อาจรวมเงินค้างชำระที่เรียกเก็บยาก หรือลูกค้าที่เสี่ยงต่อการผิดนัด อัตรา Current Ratio ที่สูง อาจเป็นภาพลวง

3. ไม่พิจารณากระแสเงินสดตัวจริง บริษัทอาจมี Current Ratio สูง แต่ถ้าหนี้สินครบกำหนดก่อนที่จะขายสินค้าหรือเก็บเงินลูกหนี้ ก็อาจเข้าสู่ภาวะวิกฤติสภาพคล่องได้

4. มาตรฐานแตกต่างตามอุตสาหกรรม ธุรกิจค้าปลีก โรงพยาบาล และบริษัทเทคโนโลยี มีมาตรฐาน Current Ratio ที่แตกต่างกันมากกว่า

5. ไม่รวมภาระผูกพันนอกงบดุล สัญญาเช่าเงินสด ภาระผูกพันตามเงื่อนไข หรือประกันภัยอาจไม่ปรากฎในตัวเลข Current Ratio แต่ยังส่งผลต่อความเสี่ยงในแท้

ตัวอย่างการคำนวณ Current Ratio ในทางปฏิบัติ

ลองดูตัวอย่างกับบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ (เช่น Amazon) ตามข้อมูลงบดุลปี 2019:

  • สินทรัพย์หมุนเวียน: 96.3 พันล้านดอลลาร์
  • หนี้สินหมุนเวียน: 87.8 พันล้านดอลลาร์

การคำนวณ: Current Ratio = 96.3 ÷ 87.8 = 1.1

ผลลัพธ์นี้หมายความว่า บริษัทมีสินทรัพย์หมุนเวียนเกิน 1.1 เท่า มากกว่าหนี้สินหมุนเวียน นั่นบ่งชี้ว่าบริษัทสามารถชำระหนี้ระยะสั้นได้ แต่ขอบมาร์จินนั้นค่อนข้างแคบ

Current Ratio ที่ดีคือเท่าไหร่?

มาตรฐานอ้างอิง:

  • ช่วง 1.5 - 2.0: ถือว่าดี บ่งชี้ว่าบริษัทมีเบาะแสสภาพคล่องดีและจัดการสินทรัพย์อย่างสมดุล
  • ระดับต่ำสุด 1.0: ยอมรับได้ หากต่ำกว่า 1.0 แสดงว่าหนี้สินเกินสินทรัพย์ - สัญญาณเตือน
  • ระดับสูงกว่า 2.0: อาจบ่งชี้ว่าบริษัทใช้สินทรัพย์ไม่อย่างมีประสิทธิภาพ เงินสดเกะกะอาจควรลงทุน

ความเข้าใจผิด 5 ประการเกี่ยวกับ Current Ratio ที่สูง

1. Current Ratio สูง = สภาพคล่องแข็งแกร่งเสมอ ❌

ความเป็นจริง: ถ้าสินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นสินค้าคงคลังหรือลูกหนี้ล้าสมัย อัตราสูงไม่ได้หมายความว่าบริษัทมีเงินสดเพียงพออย่างแท้จริง

2. Current Ratio สูง = จัดการสินทรัพย์ดี ❌

ความเป็นจริง: บางครั้ง Current Ratio สูงบ่งชี้ว่าบริษัทมีเงินสดค้างเกะกะ หรือสินค้าคงคลังเก่าไม่ขาย ซึ่งหมายถึงการลงทุนที่บอบบาง

3. ยิ่งสูงยิ่งดี ❌

ความเป็นจริง: Current Ratio ที่สูงเกินไป (เช่น >3) อาจบ่งชี้ว่าบริษัทไม่ได้ใช้เงินทุนไปยังการขยายธุรกิจ R&D หรือการพัฒนา

4. Current Ratio สูง = ความเสี่ยงต่ำ ❌

ความเป็นจริง: แม้ Current Ratio สูง แต่ถ้าบริษัทพึ่งพาลูกค้าเพียงไม่กี่ราย หรือมีปัญหาหนี้สินระยะยาวสูง ความเสี่ยงยังคงมีอยู่

5. Current Ratio สูง = เสถียรภาพทางการเงิน ❌

ความเป็นจริง: เสถียรภาพเกี่ยวข้องกับหลายปัจจัย รวมถึงกำไรสุทธิ กระแสเงินสดจากการบริหาร และหนี้ระยะยาว ไม่ใช่แค่ Current Ratio เพียงอย่างเดียว

วิธีใช้ Current Ratio ในการเทรด CFD

สำหรับเทรดเดอร์ CFD ที่ต้องการใช้ประโยชน์จาก Current Ratio:

ก่อนเปิดตำแหน่งซื้อ

ตรวจสอบว่า Current Ratio มีค่าเท่ากับ 1.5 ขึ้นไป หากบริษัทมี Current Ratio ดี แสดงว่าไม่อยู่ในวิกฤตสภาพคล่อง จึงปลอดภัยกว่าในการ Long

รวมกับตัวชี้วัดอื่น

ห้ามใช้ Current Ratio คนเดียว ควรผสมกับ Quick Ratio, Debt-to-Equity, และการวิเคราะห์กระแสเงินสด

ระหว่างฝีมือเศรษฐกิจตกต่ำ

ในช่วงตลาดหาย บริษัทที่มี Current Ratio แข็งแกร่ง มีความยืดหยุ่นมากกว่า จึงมีโอกาสอยู่รอด

ยืนยันสัญญาณเทคนิค

หากแชร์ราคาตัดขาดข้างบน (Breakout) และบริษัทมี Current Ratio ดี สัญญาณนั้นแข็งแรงกว่า

ตรวจการประกาศผลผลิตภัณฑ์

เมื่อ Current Ratio เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ลบหรือบวก อาจบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนโครงสร้างทางการเงินที่เจริญ

สรุปแนวคิด

Current Ratio เป็นเครื่องมือประเมินสภาพคล่องที่มีค่า แต่ห้ามลืมว่ามันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ บริษัทที่มี Current Ratio ดี (ช่วง 1.5 - 2.0) มักแสดงสภาพคล่องที่สมดุล ไม่อยู่ในวิกฤต แต่ยังใช้เงินไปลงทุน

สำหรับนักเทรด CFD ที่มองหาบริษัทมั่นคง ลองรวม Current Ratio เข้ากับการวิเคราะห์ fundamental อื่นๆ เช่น Net Profit Margin, Return on Equity และสภาพสภาพคล่อง เพื่อให้เห็นภาพเสมือนจริง การเทรดที่เข้มแข็งต้องอาศัยข้อมูลหลากหลาย ไม่ใช่ตัวเลขเพียงตัวเดียว


บทความที่น่าสนใจเพิ่มเติม

  • Quick Ratio และความแตกต่างจาก Current Ratio
  • วิธีอ่านงบการเงินแบบมืออาชีพสำหรับเทรดเดอร์
  • 10 ตัวชี้วัด Fundamental ที่นักเทรด CFD ต้องรู้
Посмотреть Оригинал
На этой странице может содержаться сторонний контент, который предоставляется исключительно в информационных целях (не в качестве заявлений/гарантий) и не должен рассматриваться как поддержка взглядов компании Gate или как финансовый или профессиональный совет. Подробности смотрите в разделе «Отказ от ответственности» .
  • Награда
  • комментарий
  • Репост
  • Поделиться
комментарий
0/400
Нет комментариев
  • Закрепить