Ця сторінка може містити контент третіх осіб, який надається виключно в інформаційних цілях (не в якості запевнень/гарантій) і не повинен розглядатися як схвалення його поглядів компанією Gate, а також як фінансова або професійна консультація. Див. Застереження для отримання детальної інформації.
Інфляція наближається: що повинні знати інвестори
ภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวน และหนึ่งในปัญหาที่อยู่บนโต๊ะของนักลงทุนในปัจจุบันคือ เงินเฟ้อ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตลอด แล้วเงินเฟ้อจริง ๆ มันคืออะไร? มันมาจากไหน? และเราควรลงทุนอย่างไรเมื่อมันกำลังเกิดขึ้น?
ทำไมต้องห่วงเรื่องเงินเฟ้อ
ก่อนที่จะเข้าไปลึก ลองนึกภาพว่า 10 ปีที่แล้ว เงิน 1,000 บาทของคุณ ซื้อของได้เยอะมาก แต่วันนี้เงินเดือนจำนวนนี้ได้ของน้อยกว่า นั่นคือเงินเฟ้อทำงาน - ไม่ใช่กระเป๋าเงินของคุณหดตัว แต่เงินในกระเป๋าของคุณกำลังเสื่อมค่า
ตามข้อมูลล่าสุด ในเดือนมกราคม 2567 ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) อยู่ที่ 110.3 โดยลดลงร้อยละ 1.11 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจดี เพราะความตึงเครียดด้านทั่วโลกและปัญหาการจัดส่งยังคงอยู่
เงินเฟ้อคืออะไรกันแน่
เงินเฟ้อ คือภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการทั่วไปสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในมุมมองอื่น มันคือการที่ค่าเงินลดลง - คุณต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อซื้อสิ่งเดียวกัน
ยกตัวอย่าง: นายสมชาย เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ใช้ 50 บาทซื้อข้าวได้หลายจาน วันนี้ เงินเดือนจำนวนนี้ซื้อได้แค่ 1 จาน และในอีก 20 ปี ข้าวอาจราคา 100 บาท/จาน ก็เป็นเรื่องไม่แปลก
ปัจจัยใดทำให้เงินเฟ้อเกิดขึ้น
1. ความต้องการสูงกว่าอุปทาน (Demand Pull Inflation)
เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวหลังจากโควิด ผู้บริโภคกลับมามีเงินใช้จ่าย แต่โรงงานยังผลิตไม่ทันความต้องการ ผู้ขายจึงเพิ่มราคา
2. ต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้น (Cost Push Inflation)
ราคาน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะตั้งแต่สงครามรัสเซีย-ยูเครน และปัญหาข้อจำกัดด้านการจัดส่ง (Supply Chain Disruption) เช่น ขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ และชิปเซมิคอนดักเตอร์
3. การพิมพ์เงินมากขึ้น (Printing Money Inflation)
รัฐบาลต่าง ๆ พิมพ์เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้ปริมาณเงินในระบบเพิ่มขึ้น
สถานการณ์ปัจจุบัน: ตามรายงาน IMF ประเมิน เศรษฐกิจโลกจะเติบโตร้อยละ 3.1 ในปี 2567 แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงเป็นความท้าทาย ส่วนประเทศไทย มีสัญญาณเข้าสู่ภาวะ Stagflation (เงินเฟ้อสูง แต่เศรษฐกิจหยุดนิ่ง) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ไม่ใคร่ต้องการ
เงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อใครบ้าง
ผู้ได้ประโยชน์ ✅
ผู้เสียประโยชน์ ❌
ดูสภาวะผ่านตัวเลข
ตามข้อมูลสถิติ กระทรวงพาณิชย์รวบรวมราคา 430 รายการต่อเดือน เพื่อคำนวณ CPI ข้อมูล ณ เดือนมกราคม 2567 แสดงว่า:
ชัดเจน - สิ่งของที่เราซื้อทุกวันแพงขึ้นเรื่อย ๆ
เงินเฟ้อกับเงินฝืด: อีกฝั่งของเหรียญ
ถ้าเงินเฟ้อคือราคาสูงขึ้น แล้ว เงินฝืด ก็คือราคาลดลง เมื่อความต้องการน้อย ผู้ผลิตต้องลดราคา ธุรกิจลดการจ้างงาน เศรษฐกิจชะลอตัว
ทั้งสองอย่างเกิดจากวัฏจักรเศรษฐกิจ แต่ถ้ามีความรุนแรง ล้วนเป็นอันตรายต่อประชาชน
เงินเฟ้อกระทบชีวิตจริง ๆ อย่างไร
ต่อประชาชน
ต่อผู้ประกอบการ
ต่อประเทศ
เมื่อเงินเฟ้อมา นักลงทุนควรทำอะไร
1. หลีกเลี่ยงเก็บเงินสด
ดอกเบี้ยเงินฝากต่ำ เงินเฟ้อกำลังกัดเอา ดังนั้น ควรนำเงินไปลงทุน
2. ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีมูลค่าแท้
3. ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์
4. วางแผนการใช้จ่าย
5. ติดตามข่าวสาร
นโยบายของ IMF, ธนาคารกลาง ราคาสินค้าโลก ทั้งนี้ล้วนส่งผลต่อเงินเฟ้อ และการลงทุนของคุณ
เงินเฟ้อเคยเป็นอะไรมาก่อน
ประวัติศาสตร์ไทยแสดงให้เห็น:
ทั้งหมดนี้ แสดงว่า เงินเฟ้อมี และจะมา ประเทศไทยได้ผ่านมา ถ้าปล่อยให้หนักเกินไป มันจะเป็นปัญหา
สรุป: เงินเฟ้อคืออะไร และทำไมต้องสนใจ
เงินเฟ้อ ไม่ใช่สิ่งเล่วละ้ายแต่อย่างใด ระดับเงินเฟ้อที่พอเหมาะนั้นช่วยเศรษฐกิจเติบโต และสร้างงาน แต่ถ้าแรง (Hyper Inflation) มันจะเรียกว่า “เงินฝืด” และเศรษฐกิจจะถล่มทลาย
สำหรับนักลงทุน โอกาสอยู่ที่การเลือกสินทรัพย์ที่ถูกต้อง - ลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ ทองคำ อสังหาริมทรัพย์ และตราสารหนี้ที่ดี พร้อมวางแผนการใช้จ่ายให้ดี
เงินเฟ้อจะมา แต่ถ้าคุณเตรียมตัวไว้ คุณสามารถ “รอด” และสร้างกำไรได้อีกด้วย