PE ratio หรือ Price per Earning ratio คือสัดส่วนระหว่างราคาหุ้นต่อผลกำไรต่อหุ้น เมื่อมองจากชื่อแล้ว ก็จะเห็นภาพได้ว่าตัวชี้วัดนี้บอกให้เรารู้ว่า ถ้าซื้อหุ้นด้วยราคาปัจจุบัน เราจะต้องรอการคืนทุนกี่ปีจากกำไรที่บริษัทสร้างได้ในแต่ละปี กล่าวอีกแบบคือ เป็นสัดส่วนที่วัดว่าลงทุนจำนวนนี้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะคุ้มทุนจากผลตอบแทนประจำปี ของบริษัท
วิธีคำนวณ PE Ratio: สูตรและส่วนประกอบ
การคำนวณ PE นั้นใช้สูตรอย่างง่าย: PE = ราคาหุ้น / EPS
สูตรนี้มีตัวแปรสำคัญสองตัว คือ:
ราคาหุ้นปัจจุบัน (Stock Price)
นี่คือราคาที่นักลงทุนจะต้องจ่ายเงินออกมาเพื่อเป็นเจ้าของหุ้น ยิ่งราคาหุ้นต่ำ ค่า PE ก็จะต่ำตามไปด้วย ซึ่งหมายความว่าการคืนทุนจะเร็วขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าราคาหุ้นสูง PE ก็สูงตามไปด้วย ทำให้ระยะเวลาการคืนทุนยืดออกไป
แม้ว่า PE คืออะไร และการใช้ PE มีประโยชน์มากในการประเมินราคาหุ้น แต่ตัวชี้วัดนี้มีข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม
EPS ไม่คงที่ตลอดเวลา
กำไรต่อหุ้นของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาด นักลงทุนที่ซื้อหุ้นด้วย PE ที่ 10 เท่าอาจเห็นว่า EPS ปรับขึ้นเพราะบริษัทขยายตลาดหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ส่งผลให้ PE ปรับลงเหลือ 5 เท่า ซึ่งหมายความว่าจุดคุ้มทุนจะมาเร็วขึ้น
ในทางตรงกันข้าม หากบริษัทเผชิญกับปัจจัยเชิงลบ เช่น สูญเสียตลาดหรือมีการเรียกค่าเสียหาย EPS อาจลดลง ทำให้ PE เพิ่มขึ้นและระยะเวลาการคืนทุนจะยาวไปกว่าคาดหวัง
PE ไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมด
การลงทุนตัดสินใจไม่ได้อาศัยเพียง PE เท่านั้น ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความแข็งแกร่งของการจัดการ ความเสี่ยงอุตสาหกรรม และแนวโน้มของตลาด PE บอกเพียงว่าหุ้นถูกหรือแพงสัมพัทธ์กับผลกำไร แต่ไม่ได้บอกว่าบริษัทจะสำเร็จในอนาคตหรือไม่
การนำ PE ไปใช้อย่างเฉลียวฉลาด
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่อาศัยเครื่องมือเดียว แต่จะใช้ PE เป็นจุดเริ่มต้นในการกรองหุ้น จากนั้นจึงเจาะลึกลงไปศึกษารายละเอียดอื่น ๆ ของบริษัท
ในช่วงตลาดปั่นป่วนและหุ้นปรับลดลงหนัก นักลงทุนอาจใช้ PE เพื่อจำแนกหุ้นที่มี PE ต่ำ ซึ่งอาจหมายความว่าตลาดได้ทำให้ราคาตกต่ำจากคุณค่าแท้จริง จากนั้นจึงหยิบเข้ามาศึกษาเพิ่มเติม เทียบกับการใช้เพียงการลดลงจากจุดสูงสุดเป็นตัวชี้วัด ซึ่งอาจให้ข้อสรุปที่คลาดเคลื่อน
สรุป
PE ratio คืออะไร นั้นเป็นคำถามที่ตอบได้ว่า เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินความถูกแพงของหุ้น ทำหน้าที่เปรียบเทียบราคาต่อผลกำไรเพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น
Ця сторінка може містити контент третіх осіб, який надається виключно в інформаційних цілях (не в якості запевнень/гарантій) і не повинен розглядатися як схвалення його поглядів компанією Gate, а також як фінансова або професійна консультація. Див. Застереження для отримання детальної інформації.
Коефіцієнт P/E, який інвестори повинні глибоко розуміти: як обчислювати та аналізувати
ตลาดหุ้นที่ปรับตัวลงครั้งนี้มอบโอกาสให้นักลงทุนจำนวนมากสามารถเก็บหุ้นในราคาที่ดี แต่ความท้าทายก็คือการตัดสินใจว่า ราคาปัจจุบันนั้นถูกจริงหรือ ควรเข้าไปซื้อตอนนี้หรือยังไม่ถึงจุดเข้า และถ้าซื้อแล้วจะได้กำไรภายในกี่ปี คำถามเหล่านี้ไม่มีคำตอบที่ตัดสินอย่างสัมบูรณ์ แต่ในโลกการลงทุนส่วนตัวหรือนักลงทุนชิงมูลค่า (Value Investor) มักอ้างอิงเครื่องมือชื่อว่า PE คืออะไร ตัวนี้เป็นกุญแจในการประเมินความถูกแพงของหุ้นได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้น
PE Ratio คืออะไร: ความหมายเบื้องต้น
PE ratio หรือ Price per Earning ratio คือสัดส่วนระหว่างราคาหุ้นต่อผลกำไรต่อหุ้น เมื่อมองจากชื่อแล้ว ก็จะเห็นภาพได้ว่าตัวชี้วัดนี้บอกให้เรารู้ว่า ถ้าซื้อหุ้นด้วยราคาปัจจุบัน เราจะต้องรอการคืนทุนกี่ปีจากกำไรที่บริษัทสร้างได้ในแต่ละปี กล่าวอีกแบบคือ เป็นสัดส่วนที่วัดว่าลงทุนจำนวนนี้ต้องใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะคุ้มทุนจากผลตอบแทนประจำปี ของบริษัท
วิธีคำนวณ PE Ratio: สูตรและส่วนประกอบ
การคำนวณ PE นั้นใช้สูตรอย่างง่าย: PE = ราคาหุ้น / EPS
สูตรนี้มีตัวแปรสำคัญสองตัว คือ:
ราคาหุ้นปัจจุบัน (Stock Price)
นี่คือราคาที่นักลงทุนจะต้องจ่ายเงินออกมาเพื่อเป็นเจ้าของหุ้น ยิ่งราคาหุ้นต่ำ ค่า PE ก็จะต่ำตามไปด้วย ซึ่งหมายความว่าการคืนทุนจะเร็วขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าราคาหุ้นสูง PE ก็สูงตามไปด้วย ทำให้ระยะเวลาการคืนทุนยืดออกไป
ผลกำไรต่อหุ้น (Earning Per Share - EPS)
ตัวชี้วัดนี้คำนวณจากการนำผลกำไรสุทธิทั้งหมดของบริษัทในปีนั้น ๆ หารด้วยจำนวนหุ้นที่ออกมาทั้งหมด ผลออกมาคือ ผลกำไรเฉพาะของแต่ละหุ้น ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับในแต่ละปี หากบริษัทมีความสามารถสร้าง EPS ที่สูง แสดงว่าธุรกิจมีประสิทธิภาพดี ทำให้ PE สามารถยังคงต่ำได้แม้ว่าราคาหุ้นสูงขึ้น
ตัวอย่างการคำนวณ PE Ratio เชิงปฏิบัติ
สมมติว่านักลงทุนพบหุ้นหนึ่ง ขายราคา 5 บาท และบริษัทนั้นมี EPS เท่ากับ 0.5 บาท คำนวณ PE ได้ดังนี้:
PE = 5 / 0.5 = 10 เท่า
ค่า PE ที่ 10 หมายความว่า ถ้าบริษัทสามารถรักษาระดับผลกำไรเดิมได้ นักลงทุนจะต้องรอ 10 ปี เพื่อให้ผลกำไรสะสมกลับมาเท่ากับเงินลงทุนตั้งแต่แรก หลังจากปีที่ 10 ใช้แล้ว ผลกำไรที่มาถัดมาจะเป็นกำไรสุทธิสำหรับนักลงทุนนั่นเอง
ที่สำคัญคือ ยิ่ง PE ต่ำ ยิ่งหมายความว่าหุ้นนั้นถูกกว่า (ในแง่ของการคืนทุน) และระยะเวลารอคอยจะสั้นลง
Forward P/E กับ Trailing P/E: ความแตกต่างและการประยุกต์
นักลงทุนเมื่อคำนวณ PE จะพบกับวิธีการสองแบบที่ต่างกัน ทั้ง Forward P/E และ Trailing P/E
Forward P/E: ใช้การคาดการณ์อนาคต
Forward P/E ใช้ราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยกำไรที่คาดการณ์ว่าจะได้ในอนาคต (โดยปกติเป็นปีข้างหน้า) วิธีนี้มีประโยชน์ที่ช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพของบริษัทในอนาคตได้ชัดเจนกว่า เพราะมันไม่ได้มองแค่อดีต แต่มองไปข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม Forward P/E มีข้อเสีย ที่ว่า การคาดการณ์อาจไม่ถูกต้อง บริษัทหรือนักวิเคราะห์อาจประมาณกำไรต่ำไปเพื่อให้มีเคล็ดลับในการเกินคาดเมื่อมีการประกาศผลรายไตรมาส หรือบางที่ประเมินสูงไปและกำไรจริงไม่ถึงคาดหวัง สิ่งนี้ทำให้ข้อมูล Forward P/E ไม่น่าเชื่อถือเสมอไป
Trailing P/E: อาศัยข้อมูลที่เกิดขึ้นแล้ว
Trailing P/E นั้นใช้ราคาหุ้นปัจจุบันหารด้วยผลกำไรที่บริษัททำได้จริงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา วิธีนี้เป็นที่นิยมมากที่สุดเพราะใช้ข้อมูลจริง ไม่ต้องพึ่งพิงการคาดการณ์ของใคร นักลงทุนหลายคนชื่นชอบวิธีนี้เนื่องจาก ข้อมูลมาจากผลประกอบการที่เกิดขึ้นจริง
แต่ Trailing P/E ก็มีปัญหาตัวเองคือ มันเป็นเหมือนการขับรถโดยมองไปข้างหลังเท่านั้น ประสิทธิภาพในอดีตไม่ได้รับประกันว่าจะเกิดซ้ำในอนาคต ถ้าบริษัทเพิ่งเผชิญกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจไป Trailing P/E อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงใหม่ได้ทัน
ข้อจำกัดที่นักลงทุนต้องระวัง
แม้ว่า PE คืออะไร และการใช้ PE มีประโยชน์มากในการประเมินราคาหุ้น แต่ตัวชี้วัดนี้มีข้อจำกัดที่ไม่ควรมองข้าม
EPS ไม่คงที่ตลอดเวลา
กำไรต่อหุ้นของบริษัทอาจเปลี่ยนแปลงไปตามสภาวะตลาด นักลงทุนที่ซื้อหุ้นด้วย PE ที่ 10 เท่าอาจเห็นว่า EPS ปรับขึ้นเพราะบริษัทขยายตลาดหรือเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต ส่งผลให้ PE ปรับลงเหลือ 5 เท่า ซึ่งหมายความว่าจุดคุ้มทุนจะมาเร็วขึ้น
ในทางตรงกันข้าม หากบริษัทเผชิญกับปัจจัยเชิงลบ เช่น สูญเสียตลาดหรือมีการเรียกค่าเสียหาย EPS อาจลดลง ทำให้ PE เพิ่มขึ้นและระยะเวลาการคืนทุนจะยาวไปกว่าคาดหวัง
PE ไม่ได้บอกเรื่องทั้งหมด
การลงทุนตัดสินใจไม่ได้อาศัยเพียง PE เท่านั้น ต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น คุณภาพของผลิตภัณฑ์ ความแข็งแกร่งของการจัดการ ความเสี่ยงอุตสาหกรรม และแนวโน้มของตลาด PE บอกเพียงว่าหุ้นถูกหรือแพงสัมพัทธ์กับผลกำไร แต่ไม่ได้บอกว่าบริษัทจะสำเร็จในอนาคตหรือไม่
การนำ PE ไปใช้อย่างเฉลียวฉลาด
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จไม่อาศัยเครื่องมือเดียว แต่จะใช้ PE เป็นจุดเริ่มต้นในการกรองหุ้น จากนั้นจึงเจาะลึกลงไปศึกษารายละเอียดอื่น ๆ ของบริษัท
ในช่วงตลาดปั่นป่วนและหุ้นปรับลดลงหนัก นักลงทุนอาจใช้ PE เพื่อจำแนกหุ้นที่มี PE ต่ำ ซึ่งอาจหมายความว่าตลาดได้ทำให้ราคาตกต่ำจากคุณค่าแท้จริง จากนั้นจึงหยิบเข้ามาศึกษาเพิ่มเติม เทียบกับการใช้เพียงการลดลงจากจุดสูงสุดเป็นตัวชี้วัด ซึ่งอาจให้ข้อสรุปที่คลาดเคลื่อน
สรุป
PE ratio คืออะไร นั้นเป็นคำถามที่ตอบได้ว่า เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินความถูกแพงของหุ้น ทำหน้าที่เปรียบเทียบราคาต่อผลกำไรเพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจลงทุนได้ดีขึ้น
การเข้าใจ PE ให้ลึกซึ้ง รู้วิธีคำนวณ และรู้ทั้ง Forward P/E กับ Trailing P/E จะช่วยให้นักลงทุนสามารถกรองหุ้นได้อย่างมีหลักการ ลดข้อผิดพลาดในการลงทุน และเก็บหุ้นที่ดีเข้าพอร์ตได้อย่างมั่นใจมากขึ้น อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่า PE เป็นเพียงเครื่องมือชิ้นหนึ่งในกล่องเครื่องมือของนักลงทุน การศึกษาและวิเคราะห์อื่น ๆ ก็มีความสำคัญเท่า ๆ กัน